เอฟเวอร์ตัน 2 – 4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ภาพการแข่งขัน | วีดีโอคลิป
สนาม กูดิสัน พาร์ค, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 39,682 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 18.45 น. วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2550
ผู้ตัดสิน อลัน ไวลี่ย์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฮึดสู้กลับมาเอาชนะเอฟเวอร์ตัน ได้ หลังจากถูกยิงนำไปก่อน 2 ลูกทำให้พวกเขาเก็บสามคะแนนและยังคงนำเป็นจ่าฝูงต่อไป ในขณะที่เชลซี ซึ่งลงแข่งพบกับโบลตัน ในเวลาเดียวกันทำได้แค่เสมอกันไป 2 – 2 ทำให้ตอนนี้แมนฯ ยูไนเต็ด มีแต้มนำเชลซี อยู่ 5 แต้มแล้ว โอกาสในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ก็ใกล้ความเป็นจริงเข้ามาเรื่อยๆ
เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 12 จากลูกฟรีคิกของ อลัน สตับบ์ส และบอลไปแฉลบไมเคิล คาร์ริค เข้าประตูไป และในนาทีที่ 50 ทีมเจ้าบ้านก็ได้ประตูที่ 2 จากลูกยิงสุดสวยของ มานูเอล เฟอร์นานเดส บอลเข้าสามเหลี่ยมไปอย่างที่ ฟาน เดอร์ ซาร์ หมดสิทธิเซฟ
แต่แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 60 จากความผิดพลาดของ เอียน เทอร์เนอร์ และจอห์น โอเชีย ก็ได้ยิงเข้าประตูไป ตามด้วยลูกที่สองของแมนฯ ยูไนเต็ด จากการทำเข้าประตูตัวเองของฟิล เนวิลล์ อดีตนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด นั่นเอง ต่อด้วยลูกยิงของเวย์น รูนี่ย์ และปิดท้ายด้วยประตูของ คริส อีเกิ้ลส์ ช่วยให้แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะไปได้ 2 – 4
ในนัดหน้าที่แมนฯ ยูไนเต็ด จะไปเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หากพวกเขาชนะ และเชลซี ทำได้แค่เสมอหรือแพ้อาร์เซน่อล ก็จะทำให้ทีมปีศาจแดงฉลองแชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลที่ 9 ทันที
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเกมโดยมีชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นเพียงตัวสำรอง หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บในช่วงฝึกซ้อม รวมทั้ง ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ที่บาดเจ็บหมดสิทธิลงสนามแน่นอน ทำให้เซอร์ อเล็กซ์ ต้องส่ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ และอลัน สมิธ เล่นเป็นตัวจริง
ส่วนเอฟเวอร์ตันต้องส่ง เอียน เทอร์เนอร์ ผู้รักษาประตูมือสองของทีมลงเล่นแทน ทิม โฮเวิร์ด ที่ยืมตัวไปจากแมนฯ ยูไนเต็ด เนื่องจากติดสัญญาในการยืมตัว รวมทั้งทีมยังไม่มี แอนดรูว์ จอห์นสัน ที่ได้รับบาดเจ็บจึงต้องส่ง เจมส์ วอห์น ลงเล่นแทน
เริ่มเกมเอฟเวอร์ตัน ได้โอกาสก่อนตั้งแต่นาทีที่ 2 เมื่อพวกเขาได้ลูกเตะมุม และ โจลีออน เลสค็อตต์ ได้โหม่งแต่บอลก็ไปชนคาน
เกมนี้ก็เหมือนเกมในปีที่ผ่านมา ที่รูนี่ย์ ได้รับเสียงโห่จะแฟนๆ ทีมเก่าของเขาทุกครั้งที่เขาจับบอล
จากนั้นในนาทีที่ 12 เอฟเวอร์ตัน ก็ได้ลูกฟรีคิก และ อลัน สตับบ์ส ก็รับหน้าที่ยิงฟรีคิกจากระยะ 30 หลา บอลไปแฉลบ ไมเคิล คาร์ริค เข้าประตูไป เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำ 1 – 0
อย่างไรก็ดี แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสบุกบ้างเช่นกัน หลังจากเกมผ่านไป 20 นาทีจากการเปิดบอลของพอล สโคลส์ ให้กับรูนี่ย์ แต่ลูกยิงของเขาก็ถูก เทอร์เนอร์ ป้องกันไว้ได้ ตามด้วยโอกาสของ อลัน สมิธ จากการประสานงานกันไรอัน กิ๊กส์ แต่ สมิธ ก็ยิงบอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย
เป็นอีกเกมหนึ่งที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องเครียด และออกมากำกับการเล่นของลูกทีมถึงข้างสนามด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรง ทำให้นักเตะหลายๆ คนอาจต้องกังวลถึงช่วงพักครึ่งว่าจะมีใครคนใดคนหนึ่งต้องเจอกับเครื่องเป่าผมของเซอร์ อเล็กซ์ หรือเปล่า
ในนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก กาเบรียล ไฮน์เซ่ ก็ต้องได้รับใบเหลือง จากการเข้าทำฟาวล์ มิเกล อาร์เตต้า
ครึ่งหลังแมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาเริ่มเกมได้ดีขึ้น โดยรูนี่ย์ ได้ยิงจากระยะเพียง 12 หลา แต่ ลี คาร์สลี่ย์ ก็บล็อกลูกยิงของเขาไว้ได้
แต่แล้วทีมเจ้าบ้านก็ได้ประตูขึ้นนำอย่างที่ไม่มีใครคาด ในนาทีที่ 50 เมื่อ เฟอร์นานเดส ได้บอลจาก อาร์เตต้า และเขาแตะบอลก่อนหนึ่งจังหวะ แล้วก็ยิงด้วยขวาจากระยะ 20 หลา บอลลอยเข้าสามเหลี่ยมไปอย่างสวยงาม เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำเป็น 2 – 0
ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันที่เลวร้ายของแมนฯ ยูไนเต็ด อีกวันหนึ่ง แต่เหล่านักเตะทีมปีศาจแดงก็ยังไม่ละความพยายามและยังโหมบุกอย่างต่อเนื่อง และอีก 10 นาทีถัดมาความพยายามของแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นผลเมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลูกเตะมุม ไรอัน กิ๊กส์ เปิดบอลเข้ากลาง และ เทอร์เนอร์ รับบอลไว้ แต่บอลกลับหลุดมือ และจอห์น โอเชีย ก็ใช้จังหวะนี้เตะบอลเข้าประตูไปจากระยะเพียง 6 หลา แมนฯ ยูไนเต็ด ตามมาเป็น 2 – 1
เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูแรก เซอร์ อเล็กซ์ ก็ปรับเกมเพื่อโหมบุกทันที โดยส่งคริสเตียโน่ ลงสนามแทนอลัน สมิธ และเขาก็มีส่วนทำประตูตีเสมอให้ทีมทันที จากลูกเตะมุมอีกครั้ง โรนัลโด้ ได้โหม่งบอลมาที่หน้าประตู ฟิล เนวิลล์ พยายามเคลียร์บอลแต่กลับยิงเข้าประตูตัวเองไปตุงตาข่าย แมนฯ ยูไนเต็ด ตีเสมอได้เป็น 2 – 2
อีก 11 นาทีถัดมาสถานการณ์ของทีมท๊อฟฟี่สีน้ำเงินก็แย่ลง จากโอกาสที่จะเก็บ 3 แต้ม กลับกลายเป็นว่าพวกเขาอาจไม่ได้แม้แต่แต้มเดียวในเกมนี้ เมื่อรูนี่ย์ กลับมายิงทีมเก่าของเขาได้อีกครั้ง จากการแตะบอลหลบ ฮิบเบิร์ต และยิงบอลเข้าประตูไป แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2 – 3
โรนัลโด้ ได้โอกาสทำประตูที่ 4 ให้กับทีมเมื่อเขาได้หลุดเดี่ยวไปเจอกับ เทอร์เนอร์ ตัวต่อตัว แต่เขากลับทำได้ไม่ดีพอ ยิงบอลไปให้ เทอร์เนอร์ รับสบายๆ
จากนั้นแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เปลี่ยนตัวอีกครั้งโดยส่ง อีเกิ้ลส์ ลงเล่นแทน โซลชาร์ และก็เป็น อีเกิ้ลส์ ที่ทำประตูปิดท้ายให้แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ ในนาทีสุดท้ายของเกม เมื่อเขาได้บอลตรงหน้ากรอบเขตโทษ และยิงบอลโค้งเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น
จบเกมแมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะเอฟเวอร์ตัน ได้ 2 – 4 ทางด้านเชลซี ทำได้แค่เสมอโบลตัน ในบ้าน 2 – 2 ทำให้ตอนนี้แมนฯ ยูไนเต็ด มี 85 คะแนนนำเชลซี ซึ่งมี 80 คะแนนอยู่ 5 คะแนน โอกาสที่จะได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก สำหรับพวกเขาเข้าใกล้มาเรื่อยๆ แล้ว (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน
เอียน เทอร์เนอร์ 13
โทนี่ ฮิบเบิร์ต 2
โจเซฟ โยโบ 4
อลัน สตับบ์ส 15 ( น. 12)
โจลีออน เลสค็อตต์ 16
ฟิล เนวิลล์ 18 ( ทำเข้าประตูตัวเอง น. 68)
มิเกล อาร์เตต้า 6
ลี คาร์สลี่ย์ 26
มานูเอล เฟอร์นานเดส 37 ( น. 50)
ลีออน ออสแมน 21
เจมส์ วอห์น 22 ( น. 29)
สำรอง
ริชาร์ด ไรท์ 1
แกรี่ เนย์สมิธ 3
แอนดี้ ฟาน เดอร์ เมย์เด้ 7 น. 83 ลี คาร์สลี่ย์ 26
เจมส์ บีทตี้ 9 น. 71 เจมส์ วอห์น 22
เจมส์ แม็คฟาดเด้น 11 น. 72 ลีออน ออสแมน 21
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1
จอห์น โอเชีย 22 ( น. 61)
เวส บราวน์ 6
กาเบรียล ไฮน์เซ่ 4 ( น. 48)
ปาทริซ เอฟร่า 3
พอล สโคลส์ 18
ไมเคิล คาร์ริค 16
ไรอัน กิ๊กส์ 11
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 20
เวย์น รูนี่ย์ 8 ( น. 79)
อลัน สมิธ 14

สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
คีแรน ลี 35
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 น. 63 อลัน สมิธ 14
คีแรน ริชาร์ดสัน 23 น. 56 ปาทริซ เอฟร่า 3
คริส อีเกิ้ลส์ 33 ( น. 93) น. 86 โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 20
สถิติของเกม
เอฟเวอร์ตัน ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 3, ยิงหลุดกรอบ 5, เตะมุม 4, ฟาวล์ 18, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 1, การครองบอล 45%
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 4, ยิงตรงกรอบ 11, ยิงหลุดกรอบ 6, โดนบล็อค 1, เตะมุม 9, ฟาวล์ 11, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 1, การครองบอล 55%
คะแนนความสามารถ
เอฟเวอร์ตัน เอียน เทอร์เนอร์ 5, โทนี่ ฮิบเบิร์ต 5, โจเซฟ โยโบ 7, อลัน สตับบ์ส 7, โจลีออน เลสค็อตต์ 7, ฟิล เนวิลล์ 5, มิเกล อาร์เตต้า 8, ลี คาร์สลี่ย์ 6, มานูเอล เฟอร์นานเดส 8, ลีออน ออสแมน 6, เจมส์ วอห์น 6, แอนดี้ ฟาน เดอร์ เมย์เด้ (สำรอง) 4, เจมส์ บีทตี้ (สำรอง) 5, เจมส์ แม็คฟาดเด้น (สำรอง) 5
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, จอห์น โอเชีย 8, เวส บราวน์ 5, กาเบรียล ไฮน์เซ่ 6, ปาทริซ เอฟร่า 5, พอล สโคลส์ 8, ไมเคิล คาร์ริค 7, ไรอัน กิ๊กส์ 9, โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 5, เวย์น รูนี่ย์ 8, อลัน สมิธ 5, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (สำรอง) 7, คีแรน ริชาร์ดสัน (สำรอง) 6, คริส อีเกิ้ลส์ (สำรอง) 7
Por

Related Posts

Copyright © 2025 Rumahminimalisdepok. All Right Reserved.